อย่าซื้อแอร์ ถ้ายังไม่รู้3เรื่องนี้ - livingclickblog

Breaking

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2562

อย่าซื้อแอร์ ถ้ายังไม่รู้3เรื่องนี้

Photo from Pxels
แอร์เป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เพราะคุณต้องแบกค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน จึงต้องศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกซื้ออย่างชาญฉลาด เหมาะกับงบประมาณ ความต้องการใช้ และเทคโนโลยีที่ต้องการ ก่อนควักเงินออกจากกระเป๋าคุณควรรู้ 3 ประเด็นสำคัญนี้  จะได้ไม่ต้องเสียดายในภายหลัง
1.รู้จักชนิดของแอร์ก่อนตัดสินใจเลือก
เลือกเทคโนโลยีระหว่าง Inverter (สมองกลอัจฉริยะประหยัดพลังงาน) กับ Fixed Speed (แอร์แบบธรรมดาที่คุ้นเคย) การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับการใช้งานช่วยให้คุณลงทุนกับแอร์ได้อย่างคุ้มค่าตั้งแต่ก้าวแรก (กระโดดไปอ่านรายละเอียดที่ข้อ3 รู้จักเทคโนโลยีของแอร์) เมื่อเลือกเทคโนโลยีที่สนใจได้แล้วก็มารู้จักชนิดของแอร์กันค่ะ

แอร์ติดผนัง (Wall Type)                          

เครื่องปรับอากาศประเภทติดผนังแพร่หลายมากที่สุดในประเทศไทย มีตัวเลือกหลากหลาย มาพร้อมกับขนาดการทำความเย็น 9,000 บีทียู 12,000 บีทียู 18,000 บีทียูและ 24,000 บีทียู บางรุ่นอาจมากกว่า แอร์ติดผนังใช้ระบบแยก ประกอบด้วย ยูนิตภายในติดผนัง และยูนิตภายนอก คือคอมเพรสเซอร์   ส่วนใหญ่ติดในทาวน์เฮ้าส์ อพาร์ทเม้นท์ หรือในที่ทำงานเล็ก ๆ


แอร์ติดเพดาน  (Ceiling type) 

แอร์ติดเพดานทำงานเหมือนกับแอร์ติดผนัง ต่างกันตรงที่ติดบนเพดาน แอร์ติดเพดานมักจะถูกกว่าแอร์ติดผนังที่มีบีทียูเท่ากัน แนะนำว่าแอร์ติดเพดานควรมีขนาด 24,000 บีทียูหรือมากกว่า เพราะเหมาะกับการให้ความเย็นในพื้นที่ใหญ่ หรือเพดานที่มีพื้นที่ไม่พอให้ติดแอร์ประเภทสี่ทิศทาง


แอร์ติดเพดานแบบสี่ทิศทาง (4 Ways Cassette) 

เป็นแอร์ที่เน้น ความสวยงามโดยการซ่อน หรือฝังอยู่ใต้ฝ้าหรือเพดานห้อง เหมาะกับห้องที่ต้องการเน้นความสวยงาม โดยที่ต้องการให้เห็นตัวคอยล์เย็นน้อยที่สุด โดยทั่วไปแล้ว แอร์แบบสี่ทิศทางจะเหมาะกับห้องกว้างมาก ๆ เช่น ออฟฟิศ ร้านค้า ห้องน้ำ  

ถึงแม้ว่าแอร์แบบสี่ทิศทางจะเหมือนกับแบบติดผนัง แต่มีขนาดบีทียูที่มากกว่า จึงให้ความเย็นมากกว่า ด้วยระบบฝังฝ้าเพดานจึงควรปรึกษาช่างแอร์ที่เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดจุดติดตั้ง


แอร์ตั้งพื้น (Packaged Type) 

เป็นแอร์ที่มีลักษณะคล้ายตู้ มีขนาดสูง และมีกำลังลมแรง นำมาตั้งได้เลยโดยไม่ต้องยึดกับผนังหรือเพดานเหมือนแอร์ชนิดอื่น ๆ เหมาะสำหรับงานหนักๆ มีคนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา หรือมีคนอยู่จำนวนมาก สถานที่ที่มีฝุ่นควันเยอะ เช่น ร้านอาหาร ผับ ห้องประชุม เป็นต้น



แอร์มุ้ง (Space Air) 

โครงมุ้งสี่เหลี่ยม ยาวประมาณ 8 ฟุต ส่วนใหญ่เป็นผ้า ใช้สีอ่อนๆ เช่น ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน ขาว แอร์ให้ความเย็นใกล้เคียงกับแอร์บ้านทั่วไป เพียงแต่ให้ความเย็นเฉพาะที่จึงประหยัดไฟกว่า และสามารถถอดเก็บและนำไประกอบใช้ที่อื่นได้

ตัวมุ้งจะมีผนังทึบสี่ด้าน ด้านบนจะเป็นผ้าโปร่งระบายอากาศร้อน เพราะอากาศร้อนลอยตัวขึ้นด้านบนเสมอ และอากาศเย็นจะอยู่ต่ำกว่า ฉะนั้นอากาศเย็นจากแอร์ก็จะไม่ลอยออกไปแต่จะอยู่รอบ ๆตัวเรา ส่วนอากาศร้อนจะถูกถ่ายเทออกไปทางด้านบน 

แอร์มุ้งเหมาะใช้ภายในอาคาร อพาร์ตเม้นท์ แฟลต บ้านไม้ กุฏิพระ งานภาคสนาม กองถ่ายทำภาพยนตร์-ละคร บริเวณสถานที่ก่อสร้าง สวนผลไม้ ไร่ บ่อปลา ฟาร์มกุ้ง ฟาร์มปศุสัตว์


แอร์เคลื่อนที่  พกพาได้ (Portable Air)

แอร์ชนิดนี้จะใช้ทำความเย็นชั่วคราวหรือใช้เพื่อพื้นที่ที่ติดตั้งคอมเพรสเซอร์ยูนิตภายนอกไม่ได้ แอร์แบบพกพาประกอบด้วยยูนิตเดียวเท่านั้น ด้วยท่อที่แนบไปท่อจะระบายอากาศร้อนออกทางหน้าต่างหรือประตูที่เปิดไว้ ปกติแล้วขนาดจะน้อยกว่า 15,000 บีทียู 



2.รู้จักBTUของแอร์ เลือกขนาดที่เหมาะ
BTU (British Thermal Unit) คือ หน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อน นิยมใช้กันมากในระบบเครื่องปรับอากาศ

หน่วย BTU เป็นการวัดกำลังความเย็น (ถ่ายเทความร้อน) ออกจากห้องปรับอากาศต่อชั่วโมง เช่น แอร์ขนาด  14,000 บีทียูต่อชั่วโมง หมายความว่าแอร์เครื่องนั้นมีความสามารถในการถ่ายเทความร้อนออกจากห้องปรับอากาศ 14,000 บีทียูภายในเวลา 1 ชั่วโมง

การเลือกขนาดBTUที่ถูกต้อง

อย่าเข้าใจผิดคิดว่ายิ่งมี BTU มาก แอร์ก็ยิ่งมีคุณภาพ  การเลือกขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของห้อง จะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน และประหยัดค่าใช้จ่าย
  • ห้องเล็กแต่เลือกแอร์ BTU มากเกินไป  ทำให้ซื้อแอร์แพงและจ่ายค่าติดตั้งสูงเกินความจำเป็น แอร์จะเปิดปิดเองตลอด ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน ค่าไฟสูงขึ้น  ยิ่งไปกว่านั้น แอร์จะไม่สามารถลดความชื้นในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้อากาศเป็นมลพิษ
  • ห้องใหญ่แต่เลือกแอร์ BTU น้อยเกินไป ทำให้ห้องเย็นไม่พอ แอร์จะทำงานตลอดเวลา เปลืองไฟ และอาจทำให้แอร์พังได้อีกด้วย                                  
  • ปัจจัยที่ควรพิจารณาเพิ่มขนาด BTU มากกว่าปกติ  เช่น ห้องที่ต้องเจอกับแสงแดดตลอดทั้งวัน หรือห้องครัวที่มีความร้อนจากการประกอบอาหาร, ทิศทางที่แดดส่องหรือทิศที่ตั้งของห้อง, ความสูงระหว่างพื้นกับเพดานห้อง, ขนาดของประตูหรือหน้าต่างกระจก, ความถี่ในการเปิด/ปิดประตู เข้า/ออก,จำนวนคนในห้อง, จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้อง อาทิ คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ เตาอบ เป็นต้น
ขนาด BTU ที่สัมพันธ์กับพื้นที่ห้อง

3.รู้จักเทคโนโลยีของแอร์ ฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้น ราคาที่สูงขึ้น
Inverter ก็คือสมองกลอัจฉริยะที่สั่งงานให้คอมเพรสเซอร์วิ่งในรอบสูงที่สุดในทันทีให้ถึงจุดความเย็นที่ตั้งไว้ และจะปรับความเร็วรอบของมอเตอร์ขึ้น -ลงเพื่อควบคุมความเย็นให้คงที่ โดยไม่ต้องรีเซ็ตระบบใหม่ จึงทำให้ประหยัดไฟกว่า และทำความเย็นเร็วกว่าแอร์ทั่ว ๆ ไปมาก

เมื่อเทียบกับเครื่องปรับอากาศธรรมดาที่จะรีเซ็ตการทำงานใหม่ทุกครั้งเมื่ออุณหภูมิในห้องเปลี่ยน จึงเปลืองไฟมากกว่า เหมือนรถยนต์ที่สตาร์ททุกครั้งก็จะกินน้ำมัน  อีกอย่างการรีเซ็ตของเครื่องปรับอากาศทุกครั้งจะทำให้เกิดเสียงดัง เพราะฉะนั้นแอร์ที่มีระบบ Inverter จึงเงียบกว่ามาก

แอร์ที่มีระบบอินเวอร์เตอร์จะมีราคาสูงกว่าแอร์ธรรมดา เนื่องจากระบบการทำงานภายในซับซ้อนมากกว่า อะไหล่ก็มีราคาสูงเช่นกัน จึงทำให้การซ่อมบำรุง การดูแลรักษามีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามไปด้วย แต่เมื่อหักลบกับค่าไฟที่ประหยัดกว่า จะคุ้มค่าในระยะยาว


อย่างไรก็ตาม แอร์ที่มีระบบ Inverter เหมาะที่จะใช้ในห้องที่ไม่มีการเปิดปิดบ่อย ๆ และควรเปิดแอร์ทิ้งไว้ในเวลาที่ยาวพอสมควร จึงเหมาะกับห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงานส่วนตัว

การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศระบบ Inverter

หลักการเลือกซื้อแอร์อินเวอร์เตอร์นั้นไม่ต่างกับหลักการเลือกซื้อแอร์ธรรมดาทั่วไปมากนัก นั่นคือควรเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง เพื่อที่จะทำความเย็นได้ทั่วถึงและไม่สิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไป 

นอกจากนี้แอร์แต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์จะมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอื่น ๆ ฟังก์ชั่นการใช้งานเสริมที่แตกต่างกัน จึงควรพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งานให้ดี เพื่อจะได้เลือกแอร์อย่างเหมาะสม


Photo from the power.co.th


นวัตกรรมแอร์เพื่อสุขภาพ

สภาวะโลกร้อนทำอากาศร้อนจัด อากาศแปรปรวน ฝุ่นพิษ ทำให้บรรดาผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศแบรนด์ต่าง ๆ พัฒนาแอร์รุ่นใหม่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นเสริม
  • น้ำยาแอร์ R32 เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดภาวะเรือนกระจก
  • สารเคลือบพิเศษชิ้นส่วนภายใน ลดการเกาะติดของฝุ่นและละอองน้ำมันที่ปะปนมาในอากาศ ช่วยลดสาเหตุการเกิดกลิ่นอับชื้น ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น
  • แผ่นกรองอากาศดักจับฝุ่นละอองได้มากยิ่งขึ้น จึงลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • แผ่นฟอกอากาศไฟฟ้าสถิต ดักจับฝุ่นละอองและเชื้อโรคได้มากยิ่งขึ้น บางยี่ห้อสามารถฟอกอากาศกรองฝุ่นพิษ PM2.5 ได้
  • ระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ ช่วยป้องกันกลิ่นเหม็นที่เกิดจากความอับชื้นในตัวเครื่องภายใน


ถึงแม้แต่ละยี่ห้อจะโฆษณาคุณสมบัติพิเศษอย่างไร การล้างแอร์ทุก 6 เดือนก็ยังจำเป็นเพราะยี่ห้อไหนก็เสื่อมประสิทธิภาพได้ทั้งนั้นถ้ามีฝุ่นอัดเต็ม

ซื้อแอร์อย่างชาญฉลาด ไม่ใช่แค่ราคา


เมื่อเลือกสเปคของแอร์ได้แล้ว ก็มีข้อควรคำนึงถึงอีกเล็กน้อยเพื่อความคุ้มค่า
  • เลือกใช้เครื่องปรับอากาศของผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการหลังการขายที่ดี ข้อนี้สำคัญมาก ผู้ให้บริการนั้นจะต้องมีความชำนาญและได้มาตรฐาน เพราะในการใช้งานอาจเกิดปัญหาอยู่บ้าง บริการหลังการขายที่ดีจะช่วยลดความยุ่งยากและช่วยแก้ปัญหาการใช้งานได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
  • อย่าลืมสังเกตป้ายประหยัดไฟเบอร์5ด้วย บนป้ายแสดงค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) สำหรับแอร์ Inverter หรือ EER (Energy Efficiency Ratio) สำหรับแอร์แบบธรรมดา (Fixed Speed) ซึ่งเป็นค่าประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน โดยค่านี้ได้รับการทดสอบการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ยิ่งค่าสูงยิ่งหมายถึงประหยัดไฟมาก
  • มีมาตรฐานรับรองเช่น มอก. CE JIS ISO เป็นต้น
  • ช่วงเซลส์โปรโมชั่นที่แต่ละยี่ห้อมานำเสนอ


BTUเท่ากัน แต่ทำไมราคาแอร์แต่ละยี่ห้อจึงแตกต่างกันมากนักล่ะ?

ราคาแอร์แต่ละยี่ห้อมีทั้งที่ราคาสูง ราคาต่ำ บางยี่ห้อต่างกันหลักหลายพันบาทเลยก็ว่าได้ใน BTU ที่เท่ากัน เหตุผลหลักๆ ที่ราคาแอร์แตกต่างกันมีดังนี้
  • แบรนด์ ชื่อยี่ห้อเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้ Brand ไหนอยู่มานาน ผู้บริโภคก็คุ้นชื่อ คุ้นหู และได้รับความไว้วางใจมากกว่ายี่ห้อที่เพิ่งเข้ามาในตลาด
  • สัญชาติของแอร์แต่ละยี่ห้อที่มาจากเหล่าประเทศที่มีเทคโนโลยีสูงก็เรียกราคาได้
  • เทคโนโลยีเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาแอร์สูงขึ้น ในขณะที่ BTU เท่าๆ กัน เช่น ฟังก์ชั่นการส่งลมไกล, การกำจัดแบคทีเรีย, การล้างแอร์ด้วยตัวเอง, เซนเซอร์จับความร้อนและปรับไปยังองศาที่ถูกต้อง, ความเงียบในการทำงานของแอร์
  • ส่วนประกอบภายใน หรือวัตถุดิบทำมาจากอะไร เช่น อลูมิเนียม, ทองแดง, เหล็ก, คุณภาพของแผ่น PCB และแผงวงจรภายใน มีผลต่อความคงทนและอายุการใช้งานของแอร์
  • ดีไซน์ รูปลักษณ์ภายนอก ถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาของแอร์สูงขึ้น ดีไซน์ทันสมัยดูกลมกลืนกับห้อง การออกแบบอย่างรอบคอบช่วยเรื่องความเงียบในการทำงานของแอร์ด้วยเช่นกัน
  • การรับประกัน เมื่อใดที่ขายแอร์ออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นหนี้ในการรับประกันทันที เนื่องจากต้องแก้ไขให้ฟรี และยังต้องเปลี่ยนอะไหล่ให้ฟรีอีกด้วย
  • บริการหลังการขายเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญมาก ๆ ในงานขาย เป็นการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า  เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดกับตัวผลิตภัณฑ์ เจ้าของผลิตภัณฑ์จะต้องรับผิดชอบเพื่อให้การขายดำเนินไปด้วยดี

ปัจจัยต่าง ๆ ที่อยู่ข้างบนเป็นตัวแปรหลักๆ ยังมีตัวแปรอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้ราคาแอร์แตกต่างกัน แอร์ที่มีราคาถูกใช่ว่าจะไม่ดี เพียงแต่อาจจะมีเทคโนโลยีที่ไม่สูงเท่ากับแอร์ราคาที่สูงกว่า ในหลายๆ ข้ออาจจะด้อยกว่า แต่มีบางข้อที่ดีกว่า เช่น การรับประกันที่ยาวนานกว่า ดังนั้นคุณควรเปรียบเทียบอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้แอร์ที่เหมาะกับความต้องการของคุณจริง ๆ

เรียบเรียงโดย : LivingClick

ที่มาข้อมูล: www.aircheck24.com, www.thepower.co.th, www.teddyaircond.com, www.chiangmaiaircare.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad

Responsive Ads Here