 |
Photo from Pxels |
แอร์เป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
เพราะคุณต้องแบกค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน จึงต้องศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกซื้ออย่างชาญฉลาด
เหมาะกับงบประมาณ ความต้องการใช้ และเทคโนโลยีที่ต้องการ ก่อนควักเงินออกจากกระเป๋าคุณควรรู้
3 ประเด็นสำคัญนี้ จะได้ไม่ต้องเสียดายในภายหลัง
1.รู้จักชนิดของแอร์ก่อนตัดสินใจเลือก
เลือกเทคโนโลยีระหว่าง Inverter
(สมองกลอัจฉริยะประหยัดพลังงาน) กับ Fixed Speed (แอร์แบบธรรมดาที่คุ้นเคย)
การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับการใช้งานช่วยให้คุณลงทุนกับแอร์ได้อย่างคุ้มค่าตั้งแต่ก้าวแรก
(กระโดดไปอ่านรายละเอียดที่ข้อ3 รู้จักเทคโนโลยีของแอร์) เมื่อเลือกเทคโนโลยีที่สนใจได้แล้วก็มารู้จักชนิดของแอร์กันค่ะ
แอร์ติดผนัง (Wall Type)
เครื่องปรับอากาศประเภทติดผนังแพร่หลายมากที่สุดในประเทศไทย
มีตัวเลือกหลากหลาย มาพร้อมกับขนาดการทำความเย็น
9,000 บีทียู 12,000 บีทียู 18,000 บีทียูและ 24,000 บีทียู บางรุ่นอาจมากกว่า แอร์ติดผนังใช้ระบบแยก
ประกอบด้วย ยูนิตภายในติดผนัง และยูนิตภายนอก คือคอมเพรสเซอร์ ส่วนใหญ่ติดในทาวน์เฮ้าส์ อพาร์ทเม้นท์
หรือในที่ทำงานเล็ก ๆ
แอร์ติดเพดาน (Ceiling type)
แอร์ติดเพดานทำงานเหมือนกับแอร์ติดผนัง ต่างกันตรงที่ติดบนเพดาน
แอร์ติดเพดานมักจะถูกกว่าแอร์ติดผนังที่มีบีทียูเท่ากัน แนะนำว่าแอร์ติดเพดานควรมีขนาด
24,000
บีทียูหรือมากกว่า เพราะเหมาะกับการให้ความเย็นในพื้นที่ใหญ่
หรือเพดานที่มีพื้นที่ไม่พอให้ติดแอร์ประเภทสี่ทิศทาง
แอร์ติดเพดานแบบสี่ทิศทาง (4 Ways Cassette)
เป็นแอร์ที่เน้น ความสวยงามโดยการซ่อน
หรือฝังอยู่ใต้ฝ้าหรือเพดานห้อง เหมาะกับห้องที่ต้องการเน้นความสวยงาม โดยที่ต้องการให้เห็นตัวคอยล์เย็นน้อยที่สุด
โดยทั่วไปแล้ว แอร์แบบสี่ทิศทางจะเหมาะกับห้องกว้างมาก ๆ เช่น ออฟฟิศ ร้านค้า
ห้องน้ำ
ถึงแม้ว่าแอร์แบบสี่ทิศทางจะเหมือนกับแบบติดผนัง
แต่มีขนาดบีทียูที่มากกว่า จึงให้ความเย็นมากกว่า ด้วยระบบฝังฝ้าเพดานจึงควรปรึกษาช่างแอร์ที่เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดจุดติดตั้ง
แอร์ตั้งพื้น (Packaged Type)
เป็นแอร์ที่มีลักษณะคล้ายตู้ มีขนาดสูง
และมีกำลังลมแรง นำมาตั้งได้เลยโดยไม่ต้องยึดกับผนังหรือเพดานเหมือนแอร์ชนิดอื่น ๆ
เหมาะสำหรับงานหนักๆ มีคนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา หรือมีคนอยู่จำนวนมาก
สถานที่ที่มีฝุ่นควันเยอะ เช่น ร้านอาหาร ผับ ห้องประชุม เป็นต้น
แอร์มุ้ง (Space Air)
โครงมุ้งสี่เหลี่ยม ยาวประมาณ 8
ฟุต ส่วนใหญ่เป็นผ้า ใช้สีอ่อนๆ เช่น ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน ขาว แอร์ให้ความเย็นใกล้เคียงกับแอร์บ้านทั่วไป
เพียงแต่ให้ความเย็นเฉพาะที่จึงประหยัดไฟกว่า และสามารถถอดเก็บและนำไประกอบใช้ที่อื่นได้
ตัวมุ้งจะมีผนังทึบสี่ด้าน ด้านบนจะเป็นผ้าโปร่งระบายอากาศร้อน เพราะอากาศร้อนลอยตัวขึ้นด้านบนเสมอ
และอากาศเย็นจะอยู่ต่ำกว่า ฉะนั้นอากาศเย็นจากแอร์ก็จะไม่ลอยออกไปแต่จะอยู่รอบ ๆตัวเรา
ส่วนอากาศร้อนจะถูกถ่ายเทออกไปทางด้านบน
แอร์มุ้งเหมาะใช้ภายในอาคาร อพาร์ตเม้นท์ แฟลต
บ้านไม้ กุฏิพระ งานภาคสนาม กองถ่ายทำภาพยนตร์-ละคร บริเวณสถานที่ก่อสร้าง
สวนผลไม้ ไร่ บ่อปลา ฟาร์มกุ้ง ฟาร์มปศุสัตว์
แอร์เคลื่อนที่ พกพาได้ (Portable Air)
แอร์ชนิดนี้จะใช้ทำความเย็นชั่วคราวหรือใช้เพื่อพื้นที่ที่ติดตั้งคอมเพรสเซอร์ยูนิตภายนอกไม่ได้
แอร์แบบพกพาประกอบด้วยยูนิตเดียวเท่านั้น ด้วยท่อที่แนบไปท่อจะระบายอากาศร้อนออกทางหน้าต่างหรือประตูที่เปิดไว้
ปกติแล้วขนาดจะน้อยกว่า 15,000 บีทียู

2.รู้จักBTUของแอร์ เลือกขนาดที่เหมาะ
BTU (British Thermal Unit) คือ หน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อน นิยมใช้กันมากในระบบเครื่องปรับอากาศ
หน่วย BTU
เป็นการวัดกำลังความเย็น (ถ่ายเทความร้อน) ออกจากห้องปรับอากาศต่อชั่วโมง
เช่น แอร์ขนาด 14,000 บีทียูต่อชั่วโมง
หมายความว่าแอร์เครื่องนั้นมีความสามารถในการถ่ายเทความร้อนออกจากห้องปรับอากาศ 14,000
บีทียูภายในเวลา 1 ชั่วโมง
การเลือกขนาดBTUที่ถูกต้อง
อย่าเข้าใจผิดคิดว่ายิ่งมี
BTU มาก แอร์ก็ยิ่งมีคุณภาพ
การเลือกขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของห้อง
จะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน และประหยัดค่าใช้จ่าย
- ห้องเล็กแต่เลือกแอร์ BTU
มากเกินไป
ทำให้ซื้อแอร์แพงและจ่ายค่าติดตั้งสูงเกินความจำเป็น แอร์จะเปิดปิดเองตลอด ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน
ค่าไฟสูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น แอร์จะไม่สามารถลดความชื้นในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะทำให้อากาศเป็นมลพิษ
- ห้องใหญ่แต่เลือกแอร์ BTU
น้อยเกินไป ทำให้ห้องเย็นไม่พอ
แอร์จะทำงานตลอดเวลา เปลืองไฟ และอาจทำให้แอร์พังได้อีกด้วย
- ปัจจัยที่ควรพิจารณาเพิ่มขนาด
BTU มากกว่าปกติ เช่น ห้องที่ต้องเจอกับแสงแดดตลอดทั้งวัน
หรือห้องครัวที่มีความร้อนจากการประกอบอาหาร, ทิศทางที่แดดส่องหรือทิศที่ตั้งของห้อง,
ความสูงระหว่างพื้นกับเพดานห้อง, ขนาดของประตูหรือหน้าต่างกระจก, ความถี่ในการเปิด/ปิดประตู
เข้า/ออก,จำนวนคนในห้อง, จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้อง อาทิ คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น
ไมโครเวฟ เตาอบ เป็นต้น
ขนาด BTU ที่สัมพันธ์กับพื้นที่ห้อง
 |
3.รู้จักเทคโนโลยีของแอร์
ฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้น ราคาที่สูงขึ้น
Inverter ก็คือสมองกลอัจฉริยะที่สั่งงานให้คอมเพรสเซอร์วิ่งในรอบสูงที่สุดในทันทีให้ถึงจุดความเย็นที่ตั้งไว้
และจะปรับความเร็วรอบของมอเตอร์ขึ้น -ลงเพื่อควบคุมความเย็นให้คงที่ โดยไม่ต้องรีเซ็ตระบบใหม่
จึงทำให้ประหยัดไฟกว่า และทำความเย็นเร็วกว่าแอร์ทั่ว ๆ ไปมาก
เมื่อเทียบกับเครื่องปรับอากาศธรรมดาที่จะรีเซ็ตการทำงานใหม่ทุกครั้งเมื่ออุณหภูมิในห้องเปลี่ยน
จึงเปลืองไฟมากกว่า เหมือนรถยนต์ที่สตาร์ททุกครั้งก็จะกินน้ำมัน อีกอย่างการรีเซ็ตของเครื่องปรับอากาศทุกครั้งจะทำให้เกิดเสียงดัง
เพราะฉะนั้นแอร์ที่มีระบบ Inverter จึงเงียบกว่ามาก
แอร์ที่มีระบบอินเวอร์เตอร์จะมีราคาสูงกว่าแอร์ธรรมดา
เนื่องจากระบบการทำงานภายในซับซ้อนมากกว่า อะไหล่ก็มีราคาสูงเช่นกัน จึงทำให้การซ่อมบำรุง
การดูแลรักษามีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามไปด้วย แต่เมื่อหักลบกับค่าไฟที่ประหยัดกว่า
จะคุ้มค่าในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม แอร์ที่มีระบบ
Inverter เหมาะที่จะใช้ในห้องที่ไม่มีการเปิดปิดบ่อย ๆ และควรเปิดแอร์ทิ้งไว้ในเวลาที่ยาวพอสมควร
จึงเหมาะกับห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงานส่วนตัว
การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศระบบ Inverter
หลักการเลือกซื้อแอร์อินเวอร์เตอร์นั้นไม่ต่างกับหลักการเลือกซื้อแอร์ธรรมดาทั่วไปมากนัก
นั่นคือควรเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง
เพื่อที่จะทำความเย็นได้ทั่วถึงและไม่สิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไป
นอกจากนี้แอร์แต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์จะมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอื่น ๆ ฟังก์ชั่นการใช้งานเสริมที่แตกต่างกัน
จึงควรพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งานให้ดี เพื่อจะได้เลือกแอร์อย่างเหมาะสม
Photo from the power.co.th
นวัตกรรมแอร์เพื่อสุขภาพ
สภาวะโลกร้อนทำอากาศร้อนจัด อากาศแปรปรวน
ฝุ่นพิษ ทำให้บรรดาผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศแบรนด์ต่าง ๆ
พัฒนาแอร์รุ่นใหม่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นเสริม
- น้ำยาแอร์ R32
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดภาวะเรือนกระจก
- สารเคลือบพิเศษชิ้นส่วนภายใน
ลดการเกาะติดของฝุ่นและละอองน้ำมันที่ปะปนมาในอากาศ
ช่วยลดสาเหตุการเกิดกลิ่นอับชื้น ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น
- แผ่นกรองอากาศดักจับฝุ่นละอองได้มากยิ่งขึ้น
จึงลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- แผ่นฟอกอากาศไฟฟ้าสถิต ดักจับฝุ่นละอองและเชื้อโรคได้มากยิ่งขึ้น บางยี่ห้อสามารถฟอกอากาศกรองฝุ่นพิษ PM2.5 ได้
- ระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ ช่วยป้องกันกลิ่นเหม็นที่เกิดจากความอับชื้นในตัวเครื่องภายใน
ถึงแม้แต่ละยี่ห้อจะโฆษณาคุณสมบัติพิเศษอย่างไร
การล้างแอร์ทุก 6
เดือนก็ยังจำเป็นเพราะยี่ห้อไหนก็เสื่อมประสิทธิภาพได้ทั้งนั้นถ้ามีฝุ่นอัดเต็ม
ซื้อแอร์อย่างชาญฉลาด ไม่ใช่แค่ราคา
เมื่อเลือกสเปคของแอร์ได้แล้ว ก็มีข้อควรคำนึงถึงอีกเล็กน้อยเพื่อความคุ้มค่า
- เลือกใช้เครื่องปรับอากาศของผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการหลังการขายที่ดี
ข้อนี้สำคัญมาก ผู้ให้บริการนั้นจะต้องมีความชำนาญและได้มาตรฐาน เพราะในการใช้งานอาจเกิดปัญหาอยู่บ้าง
บริการหลังการขายที่ดีจะช่วยลดความยุ่งยากและช่วยแก้ปัญหาการใช้งานได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
- อย่าลืมสังเกตป้ายประหยัดไฟเบอร์5ด้วย
บนป้ายแสดงค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio)
สำหรับแอร์ Inverter หรือ EER (Energy
Efficiency Ratio) สำหรับแอร์แบบธรรมดา (Fixed Speed) ซึ่งเป็นค่าประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน โดยค่านี้ได้รับการทดสอบการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ยิ่งค่าสูงยิ่งหมายถึงประหยัดไฟมาก
- มีมาตรฐานรับรองเช่น
มอก. CE JIS ISO เป็นต้น
- ช่วงเซลส์โปรโมชั่นที่แต่ละยี่ห้อมานำเสนอ
BTUเท่ากัน แต่ทำไมราคาแอร์แต่ละยี่ห้อจึงแตกต่างกันมากนักล่ะ?
ราคาแอร์แต่ละยี่ห้อมีทั้งที่ราคาสูง
ราคาต่ำ บางยี่ห้อต่างกันหลักหลายพันบาทเลยก็ว่าได้ใน BTU
ที่เท่ากัน เหตุผลหลักๆ ที่ราคาแอร์แตกต่างกันมีดังนี้
- แบรนด์
ชื่อยี่ห้อเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้ Brand
ไหนอยู่มานาน ผู้บริโภคก็คุ้นชื่อ คุ้นหู
และได้รับความไว้วางใจมากกว่ายี่ห้อที่เพิ่งเข้ามาในตลาด
- สัญชาติของแอร์แต่ละยี่ห้อที่มาจากเหล่าประเทศที่มีเทคโนโลยีสูงก็เรียกราคาได้
- เทคโนโลยีเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาแอร์สูงขึ้น
ในขณะที่ BTU เท่าๆ กัน เช่น ฟังก์ชั่นการส่งลมไกล,
การกำจัดแบคทีเรีย, การล้างแอร์ด้วยตัวเอง,
เซนเซอร์จับความร้อนและปรับไปยังองศาที่ถูกต้อง, ความเงียบในการทำงานของแอร์
- ส่วนประกอบภายใน
หรือวัตถุดิบทำมาจากอะไร เช่น อลูมิเนียม, ทองแดง, เหล็ก, คุณภาพของแผ่น PCB
และแผงวงจรภายใน มีผลต่อความคงทนและอายุการใช้งานของแอร์
- ดีไซน์ รูปลักษณ์ภายนอก ถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาของแอร์สูงขึ้น ดีไซน์ทันสมัยดูกลมกลืนกับห้อง
การออกแบบอย่างรอบคอบช่วยเรื่องความเงียบในการทำงานของแอร์ด้วยเช่นกัน
- การรับประกัน เมื่อใดที่ขายแอร์ออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นหนี้ในการรับประกันทันที
เนื่องจากต้องแก้ไขให้ฟรี และยังต้องเปลี่ยนอะไหล่ให้ฟรีอีกด้วย
- บริการหลังการขายเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญมาก
ๆ ในงานขาย เป็นการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดกับตัวผลิตภัณฑ์ เจ้าของผลิตภัณฑ์จะต้องรับผิดชอบเพื่อให้การขายดำเนินไปด้วยดี
ปัจจัยต่าง ๆ ที่อยู่ข้างบนเป็นตัวแปรหลักๆ
ยังมีตัวแปรอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้ราคาแอร์แตกต่างกัน แอร์ที่มีราคาถูกใช่ว่าจะไม่ดี
เพียงแต่อาจจะมีเทคโนโลยีที่ไม่สูงเท่ากับแอร์ราคาที่สูงกว่า ในหลายๆ ข้ออาจจะด้อยกว่า
แต่มีบางข้อที่ดีกว่า เช่น การรับประกันที่ยาวนานกว่า ดังนั้นคุณควรเปรียบเทียบอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้แอร์ที่เหมาะกับความต้องการของคุณจริง
ๆ
เรียบเรียงโดย
:
LivingClick
ที่มาข้อมูล: www.aircheck24.com,
www.thepower.co.th, www.teddyaircond.com, www.chiangmaiaircare.com
|
ไม่มีความคิดเห็น:
โพสต์ความคิดเห็น